จริตแห่งคน ต้องใช้กรรมฐานให้ถูกจริต

จริตแห่งคน ต้องใช้กรรมฐานให้ถูกจริต

1521
0
แบ่งปัน

เรื่องพุทธานุสติ ธรรมมานุสติ สังฆานุสติ นี่.. หากสงสัย ขอให้มาถามไถ่กันเฉพาะหน้าจะได้เข้าใจ

เพราะว่า มันต้องอธิบายเหตุอธิบายผล เพื่อความรู้ยิ่งในภาษาที่แปล

กองกรรมฐานแห่งอนุสติ ทั้งสิบกอง ที่เป็นการเพ่ง มีอยู่กองเดียวเท่านั้น คือ อานาปานนุสติ

แต่อานาปานนุสติ ทำให้เกิดภาวะธรรมแห่งเจโตวิมุติ และเป็นเครื่องอยู่ให้เป็นกำลังของทุกๆ กอง

กองอนุสติทั้งหก คือ พุทธานุสติ ธรรมมานุสติ สังฆานุสติ จาคานุสติ ศีลลานุสติ และเทวตานุสติ

เป็นกองกรรมฐานสำหรับพวก ศรัทธาจริต

พวกศรัทธาจริตนี่ สีจิตเป็นสีขาว

ถ้าได้ปฐมฌาน ก็จะเป็นสีขาวเคลือบแก้ว

หากได้ฌานสี่ ก็จะเป็นแก้วสีขาว

หากเป็นพระโสดาบันด้วย ก็จะเป็นแก้วสีขาวที่ส่งประกาย

หากเป็นพระอรหันต์ จะมองเห็นเป็นประกายพฤกส่องสว่างใสบริสุทธ์

สุขวิปัสโกก็อย่างหนึ่ง เตวิชโชก็อย่างหนึ่ง ฉฬภิญโญก็อย่างหนึ่ง ปฏิสัมภิทาก็อย่างหนึ่ง

แต่สว่างใสทอแสงเป็นประกายเหมือนกัน

เรื่องกองกรรมฐานนี่ ท่านมีไว้เพื่อให้เหมาะกับจริตวิสัย ท่านว่าไว้รวมหกจริต

เรื่องจริตภูมินี่ ก็ต้องขยายกันออกไปอีก ผู้ที่อธิฐานมาทางพุทธภูมิวิสัย จึงจะพอรู้และเข้าใจ ในจริตภูมิ

เรื่องจริตภูมินี่ ใช่ว่าใครๆ ก็จะเข้าใจและเห็นกันได้ทุกๆ คน

แม้พระสารีบุตร ผู้ทรงเป็นเอกอัครสาวก ท่านยังมองไม่เห็นจริตภูมิของบุตรชายนายช่างทองเลย

กองกรรมฐานที่พอเหมาะกับจริต ย่อมจะทำให้จิตระงับความฟุ้งซ่านและนิวรณ์ได้ง่าย

แต่พวกเรายุคนี้ หลายๆ สำนัก ไม่เข้าใจเรื่องจริตแห่งการให้กองกรรมฐาน

การดำเนินทางแห่งการเข้ามรรคผล มันจึงยากที่จะเกิด

เพราะที่ตั้งแห่งใจของผู้ฝึกกรรมฐาน มันไม่เข้ากับจริตตนเป็นเหตุ

บางสำนัก แค่คำบริกรรม ยังยุ่งยากและยึดติด

อานาปานนุสตินี่ เป็นกองกรรมฐานที่ใช้ได้ดีกับพวก วิตกจริต กับโมหะจริต

พวกวิตกจริตนี่ มักจะเป็นพวกฟุ้งซ่าน ขี้สงสัย หนักไปทางศรัทธามาก หรือหนักไปในทางปัญญามาก ไม่มีกำลังที่จะครองสติ ให้ศรัทธาและปัญญามันเสมอกัน

ชอบคิดมาก ไหลไปตามอารมณ์คิด โลเลไม่มั่นใจในเวทนาที่เกิดกับใจ

นี่ พวกนี้ ต้องใช้อานาปานนุสติเข้ามาข่ม

ถ้ากำลังสมาธิแห่งอานาปานไม่แข็งแรง ใจมันก็ไหลไปกับผัสสะ ที่ก่อขึ้นมาไม่รู้จบ นี่จะเป็นใจที่ไหลมาทางสมุทัย ความทุกข์ทั้งหลายมันก็จะเกิดตามมาเป็นกระบวน

ส่วนพวกโมหะจริต พวกนี้ก็ต้องใช้กรรมฐานกองอานาปานนุสติเช่นกัน

เพราะจริตใจพวกนี้ หนักมาทางด้านยึดมั่น ถือมั่น เป็นพวกทิฏฐิจัด มานะจัด

เจ้าความคิด ชอบอวดภูมิ บ้าวัตถุ บ้าพลัง ยึดนั่นนี่นู่นนั่น ไม่ยอมวาง

ไม่ค่อยฟังเหตุฟังผล ชอบดันทุรังในความคิดตน หลงกับวัตถุและบุคคล อย่างวางไม่ลง และมักเป็นบุคคลชอบเอาแต่ใจตนเอง

นี่เป็นพวก..โมหะจริต

ทั้งสองจริตนี่ เหมาะกับกรรมฐานกองอานาปานนุสติ

กองอื่น ใช้ไม่ได้ผล ใจมันไม่ชอบการพิจารณา มันพิจารณาไม่ลง มันสงบใจลงไม่พอ ขาดกำลังแห่งสมาธิเข้าไปอบรมใจไม่ให้แตกซ่านไหลไปในกระแส

ส่วนพระอริยะเจ้า ที่ท่านหนักมาทางอานาปาน ไม่เกี่ยวกับเรื่องจริต

เป็นเพียงแต่ท่านเอาอานาปานมาเป็นวิหารธรรม คือเครื่องอยู่เพื่อความสงบสุข และเป็นไปในแนวทางของผลแห่งกำลังจิต

เพื่อผลแห่งการประคองใจไม่ให้ไหลลงไปตามกระแสสังขาร

สังขารในที่นี้ คือการปรุงแต่งแห่งใจ ที่ยังต้องอาศัยรูปในการครองธาตุขันธ์

นี่ว่ากันพอหอมปากหอมคอ กับยามเช้าๆ วันอังคารที่เท่าไหร่ไม่รู้

อยู่ป่านี่ ไม่ค่อยรู้วันคืน ถ้ายังประโยชน์ให้แก่พวกพ้องได้ ก็พอถูๆ ไถๆ กันไป

เช้านี้ขอสวัสดี มีความสุขกันทุกคน

พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ” สละกายใจ ถวายไว้ต่อแผ่นดิน ” ณ วันที่ 18 มีนาคม 2558 โดย พระอาจารย์ธรรมกะ บุญญพลัง